เซี่ยงไฮ้ เตรียมผ่อนมาตรการ ล็อกดาวน์ หลังมีรายงาน ปชช. ประท้วงเพราะขาดอาหาร

เซี่ยงไฮ้ เตรียมผ่อนมาตรการ ล็อกดาวน์ หลังมีรายงาน ปชช. ประท้วงเพราะขาดอาหาร

เซี่ยงไฮ้ ประกาศเตรียมผ่อนมาตรการ ล็อกดาวน์ ในบางพื้นที่ ท่ามกลางรายงานที่ระบุว่าประชาชนออกมาประท้วงเพราะขาดอาหาร เมื่อวันที่ 12 เมษายน สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน รายงานว่า ทางการเซี่ยงไฮ้ ในประเทศจีน เตรียมผ่อนมาตรการล็อกดาวน์ลงในบางพื้นที่ แม้จำนวนผู้ป่วยโควิดยังเพิ่มต่อเนื่อง

โดยทางการระบุว่า 

จะอนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่ไม่มีผู้ป่วยโควิดอย่างน้อยสองสัปดาห์ สามารถทำกิจกรรมที่เหมาะสมได้ ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับการผ่อนมาตรการล็อกดาวน์จะไม่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ที่ยังไม่ผ่อนมาตรการได้

อย่างไรก็ตามในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีรายงานว่า ประชาชนในนครเซี่ยงไฮ้ ได้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลผ่านระเบียงบ้านของตนเอง เรียกร้องให้ทางรัฐนำอาหารมาส่ง หลังจากที่ทางการจีนสั่งใช้ล็อกดาวน์กับนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด

ด้วยมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของทางการจีนนั้น ได้สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนก้าวออกจากประตูบ้านเลย แม้ว่าจะเพื่อทิ้งขยะ หรือ การพาสุนัขออกไปเดินเล่นก็ตาม รวมถึงซื้ออาหาร ทั้งนี้ประชาชนจะออกนอกบ้านได้ ในการเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเท่านั้น ซึ่งวิธีเดียวที่ประชาชนจะได้อาหารคือต้องรอให้รัฐบาลนำอาหารมาส่ง หรือ สั่งอาหารเองเท่านั้น

ซึ่ง ประเทศจีนนั้น ถือเป็นประเทศที่มีมาตรการกับโควิดต่างออกไป โดยหลายชาติมุ่งเน้นในการใช้มาตรการอยู่ร่วมกับโควิด ขณะที่จีนยังคงพยายามกดจำนวนผู้ป่วยโควิดให้เป็นศูนย์ ซึ่งเซี่ยงไฮ้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม

ซึ่งนักแสดงสาวยังเขียนอีกด้วยว่า เธอยังคงรักในตัวของ จอห์นนี และเธอรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องนำชีวิตในอดีตออกมาปรากฎให้โลกเห็น ในตอนนี้เธอรู้สึกโชคดีที่มีเสียงสนับสนุนเธอในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงสัปดาห์ถัดจากนี้ ขณะที่ด้านสามีไม่ได้ออกมาให้ข่าว หรือโพสต์ข้อความใดๆ

ย้อนกลับไปในปี 2561 Washington Post ได้เผยแพร่บทความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด เล่าเรื่องการหย่าร้าง และกล่าวหาอดีตสามีว่าใช้กำลังกับเธอ ซึ่งในบทความนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของ เดปป์ แต่อย่างใด ทั้งนี้จากการขึ้นศาลก่อนหน้านี้ ทาง เดปป์ ได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า ในบทความเป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตน ก่อนจะหย่าร้างกันไปในปี 2560

ชาวโซเชียลแห่สะใจ หลังจากที่ คนขับรถสีขาว เอาคืน ไล่ชนคู่อริ หลังอีกฝ่ายฟาดกระจกรถก่อน เล่นเอาคู่กรณีหนีหัวซุกหัวซุน เพจ เฮียขับรถ ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดบนท้องถนน โดยจากคลิปแสดงให้เห็นว่า รถสีดำที่ขับตัดหน้ารถสีขาว ก่อนที่คนขับจะเดินลงมาพร้อมกับไม้เบสบอล และเดินไปพูดคุยกับคนขับรถสีขาว ก่อนที่คนขับรถสีดำจะฟาดไม้ลงบนกระจกรถสีขาว จนทำให้กระจกรถแตก

ซึ่งหลังจากฟาดเสร็จ รถสีขาวก็ขับถอยออกไป แต่ไม่ได้ถอยหนี เพราะเป็นการตั้งหลักก่อนจะเหยียบคันเร่งจะชนคนขับ ทำเอาคนขับรถสีดำวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน พยายามหนีเข้ารถ แต่ไม่ทัน เพราะคนขับรถสีขาวยังวนรถกลับมาชนรถสีดำอย่างจัง และไม่พอยังขับรถไปข้างหน้าเพื่อถอยมาชนรถสีดำอีก จนสภาพพังยับเยิน   อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยว่าต้นเหตุของเหตุทะเลาะวิวาทนี้มาจากอะไร

‘รัสเซีย’ รับครั้งแรก ทหารรัสเซียตาย เป็นจำนวนมาก ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

โฆษกรัสเซีย ออกมายอมรับครั้งแรกว่ามี ทหารรัสเซียตาย เป็นจำนวนมาก ในสงครามระหว่างรัสเซีย และ ยูเครน ที่ดำเนินมาถึงวันที่ 44 แล้ว เมื่อวันที่ 8 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า โฆษกทางการรัสเซีย ได้ออกมาให้สื่อต่างชาติว่า ทางการรัสเซียสูญเสียหายทหารจำนวนมาก จากการรุกรานประเทศยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. และดำเนินมาถึงวันที่ 44 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียออกมายอมรับว่าทางกองทัพสูญเสียทหารเป็นจำนวนมาก

โดยโฆษกของรัสเซียกล่าวอีกด้วยว่า เขาหวังว่าทางการจะสามารถบรรลุเป้าหมายสงครามในไม่กี่วันถัดจากนี้ นอกจากนี้ทางการรัสเซียยังได้ปฏิเสธว่า กองทัพรัสเซียสังหารประชาชนในนครบูชา เมืองใกล้กรุงเคียฟ และระบุว่าภาพผู้เสียชีวิตนั้นเป็นการจัดฉากของทหารยูเครน

ซึ่งในวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่ามีทหารเสียชีวิตจากสงครามกับยูเครน 1,351 นาย ขณะที่ยูเครนระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตของทหารรัสเซียนั้นอยู่สูงถึง 19,000 นาย

ทั้งนี้ BBC ระบุว่า ไม่สามารถ ยืนยันถึงจำนวนตัวเลขได้ โดยผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าทางการรัสเซียพยายามทำตัวเลขให้น้อย ขณะที่ทางยูเครนพยายามเพิ่มยอดเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองทัพยูเครน โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจริงๆน่าจะอยู่ที่ราวๆ 7,000 – 15,000 นาย

หากจำนวนทหารรัสเซียเสียชีวิตสูงถึง 15,000 นายจริง จำนวนดังกล่าวจะเป็นจำนวนที่เทียบเท่ากับช่วงเวลา 10 ปี ที่รัสเซียเข้าควบคุมประเทศอัฟกานิสถานในช่วงปี 2522 ถึง 2532

ขณะที่ชาวเน็ตก็ได้ออกมาแสดงความสะใจกันอย่างยกใหญ่ พร้อมเชียร์คนขับรถสีขาวที่สู้กลับ ทั้งนี้ชาวเน็ตก็ได้เตือนว่าแม้เหตุการณ์นี้จะดูสะใจขนาดไหน แต่พฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดทางกฎหมาย ทั้งจำทั้งปรับ และประกันไม่รับเคลมด้วย

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น